ปัญหาที่เทรดเดอร์ Forex หน้าใหม่เข้ามาในตลาดแล้วต้องการคำตอบมากที่สุด คงจะเป็นว่า “ตัวเองต้องเทรดนานเท่าไหร่ ถึงจะทำกำไรได้?” หรือว่า “ต้องฝึกนานเท่าไหร่ถึงจะทำกำไรได้” ในโลกอื่น ๆ เช่น วิชาการ หรือว่า งานราชการ เมื่ออายุงานมากขึ้น มักจะถูกตีความว่ามีชั่วโมงบินสูงขึ้น เมื่อทำงานมานานก็จะต้องเก่งมากขึ้น โดยที่ไม่ได้มีการทดสอบวัดระดับฝีมืออะไรมากนัก
ความแตกต่างของโลก Forex กับโลกภายนอก
ในโลกของ Forex นั้นแตกต่างจากโลกภายนอกค่อนข้างมาก โลกของ Forex ความรู้สึกจะถูกตัดออกจากสาระบบของการประเมินฝีมือของผู้ที่อยู่มานาน อย่างเช่น ในระบบราชการของประเทศไทย ผู้ที่อยู่มานาน ต่อให้ไม่ได้มีฝีมือหรือว่าไม่ได้ทำผลงานอะไร ไม่ได้มีความกระตือรือร้นอะไร ก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเลื่อนขั้นยกระดับทุกปีอยู่แล้ว
เพราะว่า ถ้าหากขืนไปยกระดับเงินเดือน เลื่อนตำแหน่งให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่มันเพิ่งเข้ามาในองค์กรแต่มันเก่ง ลูกน้องคนเก่า ๆ ก็คงจะรู้สึกไม่พอใจแน่แท้ แต่ตลาด Forex ไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าคุณเลื่อนขั้นให้ตัวเองทั้งที่ตัวเองยังไม่ถึง นั่นแหละครับ “หายนะ” จะมาถึง บทเรียนวันนี้ก็จะพูดถึงว่า การอยู่มานานกับประสบการณ์แตกต่างกันอย่างไร
การวัดประสบการณ์ในตลาด Forex
การวัดประสบการณ์ในตลาด Forex ใช้ 2 อย่างในการวัด คือ ความรู้และความเข้าใจ โดยต้องมีความสัมพันธ์กับผลกำไรของพอร์ทเป็นสำคัญ ความรู้และความเข้าใจเป็นเรื่องที่แตกต่างกันในตลาด Forex เพราะว่า ความรู้คือ ภาวะที่รู้ แม้ว่าเราจะรู้ว่า หลักการเทรด Forex มีหลักการง่าย ๆ คือ ซื้อถูกขายแพง แต่ว่านั่นก็แค่เรารู้
การเทรด Forex บางคนรู้ว่าต้องตั้ง Stop loss ทุกครั้งในการเทรด อย่างนี้เรียกว่า ภาวะที่รู้ แต่ว่าพอเทรดจริง ๆ กลับทำไม่ได้ เพราะไม่ได้ตั้ง Stop loss อย่างนี้เรียกว่า ไม่เข้าใจ เพราะว่า ความเข้าใจนั้นคือ การที่หัวใจของเราคิดไม่ได้ เราต้องรู้สึก ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าเราจะขาดทุน เรากลัวเราเลยตั้ง Stop loss นั่นจึงเรียกว่า เข้าไปในใจ หรือเข้าใจนั่นเอง
แต่ถึงจะรู้และเข้าใจ ถ้าหากทำกำไรไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่อง คนที่กล้าตั้ง Stop loss ทุกครั้งไม่ได้หมายความว่าเขาจะกำไร เพราะพอร์ทลงทุนของเขาอาจจะชน Stop loss บ่อยครั้งจนขาดทุนหมดตัวก็ได้ ซึ่งการเทรดที่ดีก็จะต้องกำไรหรือว่าเอาตัวรอดในตลาดได้เป็นอย่างน้อย
การพัฒนาตัวเองในตลาด Forex
เมื่อเข้าใจอย่างที่กล่าวมาในขั้นต้น แล้วการพัฒนาตัวเองในตลาด Forex เราจะต้องใช้เวลากี่ปี ผมก็คงบอกไม่ได้แน่ชัดว่าเท่าไหร่ แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง หลายๆ ปัจจัยเช่น เทรดเดอร์สามารถยอมรับการขาดทุนได้ค่อนข้างเร็ว เทรดเดอร์สามารถยอมรับข้อผิดพลาดและเห็นประโยชน์ของการตั้ง Stop loss ได้ ทำให้ไม่ได้ต้องไปเสียเวลากับการหาระบบอื่นที่จะเอาชนะตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ผมมักจะเห็นเทรดเดอร์ Forex หน้าใหม่ไปตามเทรดเดอร์หน้าเก่ากับประโยคหรือวลีที่เขาแสดงความคิดเห็นที่ดูแล้วน่าจะมีประสบการณ์ การตัดสินอย่างนั้น จะทำให้เราสนใจประเด็นผิด ตามคนผิด หรือเลือก idol ของเราผิดคน แล้วเราจะพัฒนาตัวเองในตลาด Forex อย่างไร และจะใช้เวลาเท่าไหร่
จริง ๆ แล้วความรู้ทางด้าน Forex แบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
- รูปแบบที่ 1 คือ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องมือ ค่าเงิน หรือความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการเทรด
- รูปแบบที่ 2 คือ ความรู้ด้านการตัดสินใจ ด้านจิตใจ การวางอารมณ์
- รูปแบบที่ 3 คือ ประสบการณ์ในการเทรด
ทั้ง 3 รูปแบบ แบบที่พัฒนาได้ง่ายที่สุดคือ รูปแบบแรกเพราะว่าสามารถหาได้ง่ายและเป็นความรู้ที่ฟรีด้วย อย่างไรก็ตาม ความรู้รูปแบบที่ 2 ซึ่งเป็นด้านอารมณ์เป็นสิ่งที่จัดการได้ยาก จึงทำให้มันยากที่จะฝึกด้วย แต่ก็เป็นความรู้ที่สร้างประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ขณะที่ความรู้รูปแบบที่ 3 คือประสบการณ์จะเกิดขึ้นมาก็ต่อเมื่อรูปแบบที่ 1 และ 2 มาบรรจบกันเท่านั้น ดังนั้นการเทรด Forex จึงต้องมุ่งเน้นพัฒนาทักษะพื้นฐานก่อน แล้วค่อยไปพัฒนาจิตใจ แล้วประสบการณ์ของเราจะเพิ่มขึ้นเอง
สรุป
ในการเทรด Forex การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าน้อยคนที่จะมุ่งวิธีนี้ พวกเขาจะอีเมลล์ไปหาเซียนเก่า ๆ ที่ต้องการพัฒนาตามเป็นแบบอย่าง แล้วถามว่า กว่าจะเทรดได้แบบประสบความสำเร็จนั้นต้องเทรดเป็นเวลากี่ปี นี่เป็นคำถามแทบจะเบสิคที่ทุกคนอยากจะถาม
สำหรับระยะเวลาดังกล่าวที่ว่ามาเราสามารถตอบได้หลายอย่างว่า การเทรดไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำนวนปีที่เริ่มเทรดมา เพราะว่าไม่เช่นนั้นทุกคนก็คงประสบความสำเร็จกันไปหมดแล้วเพราะว่าเมื่ออยู่นานพอความสำเร็จก็จะเข้ามา แต่สิ่งสำคัญคือ การพัฒนาตัวเองให้ถูกทาง ซึ่งประกอบด้วย ความรู้พื้นฐาน ความรู้ทางจิตใจ และความรู้ทางด้านประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นผลสอดคล้องกับผลกำไรของเราได้ด้วย เพราะว่า แม้เราจะมีความรู้แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจในการเทรด Forex ก็อาจจะไม่สามารถประสบผลสำเร็จในระยะยาวได้
