ลักษณะของเทรดเดอร์สายเทคนิค
คือ เทรดเดอร์กลุ่มนี้จะสนใจแต่เรื่องจับต้องได้ การเทรดที่ต้องมีรูปธรรม แต่อย่างไรก็ตามนั่นก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด ที่จะถือได้ว่า เป็นการเทรดที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่ต้องทำคือ การพัฒนา Mindset ที่ควบคู่ไปกับการเทรดที่ถูกต้อง ดังนั้น เทรดเดอร์ประเภทนี้ต้องทำการทดลอง ทดสอบฝีมือครั้งแล้วครั้งเล่า การเทรดที่อาศัยเครื่องมือจะต้องทำการทดสอบบัญชี Demo เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี จึงจะแสดงผลการเทรดที่ชัดเจน จริง ๆ แล้วเทรดเดอร์ประเภทนี้เป็นประเภทที่คนเป็นมากที่สุด ทำให้มันยากที่สุดที่จะพัฒนาตัวเองเช่นกัน
ระบบเทรดสำหรับเทรดเดอร์สายเทคนิค เรียกได้ว่า เทรดเดอร์สายนี้เป็นสายลองผิดลองถูก ชอบคิดค้นวิธีการต่างๆ ระบบแปลกๆ ใหม่ๆ เนื่องจากปัญหาด้านความเข้าใจเรื่อง Mind Set และปัญหาเรื่องการรักษาวินัย จริงๆ
“ ผมทำการค้นคว้า และศึกษาทุกอย่างด้วยตัวเอง และลองผิดลองถูกจนพบ และผมพบว่า Mind set นั้นสร้างปัญหาได้อย่างใหญ่หลวง เพราะผมเป็นเทรดเดอร์ที่ชอบตั้งคำถามว่า สภาพจิตใจหรือว่าวินัยมันจะมาเกี่ยวกับผลการเทรดของเราได้อย่างไร นั้นเองครับ ”
การตั้งคำถามแบบนี้ มีรากฐานมาจากความไม่เชื่อของเรา ทำให้เราไม่สามารถทำตามวินัย และไม่เข้าใจที่มาของการขาดทุนหลายๆ อย่าง การไม่สามารถทำตามวินัยได้นั้นเป็นเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างระเบียบวินัยนั้นจะสามารถส่งผลกับราคาได้อย่างไร แต่ปัญหานั้นมันเกิดจากความไม่ศรัทธาในตัวเครื่องมือ เช่น indicator มากกว่า ความที่รู้ไม่จริงใน indicator และความที่ไม่เข้าใจใน indicator เลยไม่รู้ว่า มันใช้วัดไม่ได้ จนเครื่องมือก็ไม่สามารถตอบโจทย์อะไรได้
เทรดเดอร์ประเภทนี้จึงต้องการการศึกษาและลงมือทำ ต้องลองผิดลองถูกจำนวนมากจึงจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ใครที่เข้าใจได้ก็ดีไปใครที่เข้าใจไม่ได้ก็แย่ไป จะให้ดีก็ต้องมีการทดลองอย่างหนัก ปัญหาคือ ระหว่างนี้แหละที่จะเสียเงินจำนวนมหาศาลไปกับการทดลอง เทรดเดอร์ประเภทนี้จะต้องมี Guide Line เพื่อที่จะอยู่รอดไปจนถึงวันนั้น เชื่อไหมครับ ในตลาดมีเทรดเดอร์ประเภทนี้อยู่เต็มไปหมด และคนส่วนใหญ่ก็มี Character นี้แทรกอยู่เต็มไปหมดเช่นเดียวกัน เรามาดูกันก่อนว่าจะออกแบบระบบสำหรับเทรดเดอร์ประเภทนี้ต้องใช้อะไรบ้าง
ระบบเข้าเทรด
สำหรับระบบเข้าเทรดของเทรดเดอร์สายนี้ ต้องเน้นไปที่เทคนิค การพัฒนาเทคนิคนั้นสำคัญมาก สิ่งที่ต้องละไปก่อนเลยคือ การเชื่อว่า indicator นั้นใช้ได้ผล เพราะมันไม่ได้ผล มันมีหลายสถานการณ์คล้ายกับการขับรถที่ มีรถสำหรับแข่งวิบาก แข่งทางเรียบ แข่งผสม การออกแบบรถที่ใช้แข่งไม่เหมือนกัน ดังนั้นเทรดเดอร์ต้องทำความเข้าใจ วันนี้ผมยกตัวอย่าง ว่า การเคลื่อนไหวของราคานั้นเป็น Pattern เท่านั้น โดยจะใช้ indicator ตัวหนึ่งเป็นตัววัด Pattern ของราคา อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้หลาย pattern และหลายรูปแบบราคาในการสร้างระบบเข้าเทรดได้ โดยคุณต้องสะสมประสบการณ์ให้มากพอ
Indicator Bollinger Band (20)
Time Frame 1H
เงื่อนไขการเข้าเทรด
การเข้าเทรดเมื่อ Bollinger Band เกิดการบีบตัวและออกทิศทางที่แน่นอนแล้วเท่านั้น การเข้าเทรดต้องมี Stop loss เพราะคุณจะไม่สามารถคุมจิตใจคุณได้เนื่องจากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่มีสภาพดจิตใจอ่อนแอ ไม่ทนทานต่อความโลภและความกลัวแต่ข้อเด่นของคุณคือ เทคนิค คุณต้องรู้จักใช้เครื่องมือป้องกัน ขณะที่ Take Profit คุณจะมีหรือไม่ก็ได้ ส่วนมากการไม่มีจะดีกว่ามี เพราะว่าการไม่มี Take Profit ทำให้คุณมีโอกาสทำกำไรได้หลายเท่าตัว ปัญหาของการเข้าเทรดในระบบนี้คือ คุณต้องอดทนรอให้เกิดเหตุการณ์ที่เข้าเงื่อนไข ซึ่งถ้าคุณยังทนไม่ได้ คุณจะไปหาวิธีเอาชนะตลาดด้วยวิธีอื่น แต่ก็อย่างที่บอก ไม่ว่าระบบเทรดระบบไหนจะต้องผ่านการทดสอบให้สอดคล้องกับคนใช้งานมาอย่างยาวนานแล้ว
ในภาพจะเห็นว่า การเกิดลักษณะการบีบตัวของ Bollinger Band ทำให้เกิดการพุ่งของราคาหลังจากนั้น แต่ปัญหาของมันคือเราไม่รู้ทิศทาง เรารู้แต่ว่าเกิดการบีบตัวจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงออกมา
ตัวอย่างภาพที่ 2 เป็นตัวอย่างของกราฟที่ไม่ใช่ สิ่งที่แตกต่างคือ กราฟช่วงก่อนหน้าจะไม่ใช่การบีบตัวแคบ การบีบตัวแคบเพื่อจะให้เห็นชัดเจน จะต้องกินเวลาสักพักหนึ่ง ไม่ใช่เกิดการบีบตัวเพียงพักเดียวก็สามารถพุ่งได้ การเคลื่อนไหวของราคาจะต้องเกิดการบีบแคบ ซึ่งในตัวอย่างจะแสดงเห็นว่าแบบไหนไม่ใช่รูปแบบที่ถูกต้อง
การออกจากการเทรด
การออกจากการเทรดที่ดีสำหรับระบบนี้คือ การตั้ง Trailing Stop เพราะว่า Trailing Stop จะทำให้ Stop loss ลดลงเมื่อมันเคลื่อนไหวถูกทาง ขณะที่เทรดเดอร์จะต้องเฝ้าการเทรดด้วยเพราะว่า จะมีจุดหนึ่งที่กราฟกลับตัว และนั่นคือเทรดเดอร์ที่จะต้องเรียนรู้ที่จะพัฒนาเทคนิคในการเทรด การพัฒนาเทคนิค คือการหาจุดกลับตัวที่สุดที่ดีที่สุด
