Forex Life ผมใช้เวลาเทรดมากแค่ไหน

Forex Life

เส้น

Forex Life ผมใช้เวลาเทรดมากแค่ไหน

 

หลายคนที่เป็นเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะไม่ได้เป็นเทรดเดอร์ Full Time สาเหตุเนื่องจากการเทรดนั้นน่าเบื่อ น่าเบื่อจริง ๆ นะครับ ผมเป็นเทรดเดอร์ Part-time มา  5-6 ปี แต่ประสบการณ์อยู่ในตลาด 11 ปี นั่นเพราะว่า 5 ปีแรกนั้นขาดทุนครับ การเทรด Part – Time นั้นไม่ได้แย่และไม่ได้กำไรมากมาย ก็เราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังแหมือนอย่างกองทุนเก็งกำไรหน่ะครับ เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับรายย่อยพอแค่ค่ากับข้าวไปเป็นรายเดือน จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้สบาย แต่สิ่งที่ต้องควบคุมนั้นก็ยิ่งใหญ่พอสมควร นั่นเพราะว่า ถ้าหากท่านเผลอไปโลภ กับอะไรสักครั้งหนึ่งและผิดพลาดอะไรไปสักครั้งหนึ่งเงินที่เก็บมาตลอดชีวิตอาจจะหายวับไปกับตาได้

อย่างที่หลาย ๆ คนได้อ่านบทความของผมมาแล้วจะพบว่า ผมทำผลตอบแทนได้น้อยมาก แทบจะ 1-3 % ต่อเดือนเท่านั้น เฉลี่ยก็ประมาณ 10 – 20 % ต่อปี ซึ่งต้องบอกได้ว่า ไม่พอรวยหรอกครับ แค่พออยู่ได้ เพราะว่าถ้าคุณจะรวยจากมันก็นอกเสียจากว่าคุณจะไม่ถอนมากินมาใช้เลยนั่นแหละครับ ในช่วงแรก ๆ ผมมีความสงสัยครับว่า ชีวิตของการเป็นเทรดเดอร์จะดีขนาดไหน ถ้าหากว่า เทรดแป๊บเดียวก็ได้กำไรแล้ว เอาจริง ๆ ชีวิตการเทรดนั้นเป็นไปด้วยความน่าเบื่อ สิ่งหนึ่งที่นักเทรดต้องทราบก็คือ การเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้นมันเคลื่อนไหวสอดคล้องกันและใกล้เคียงกันเต็มไปหมด นั่นทำให้ไม่ว่าคุณจะหนีไปเทรดคู่ไหนมันก็ไม่ให้ผลที่แตกต่างกันมากนัก คือ ต้องรอเวลาแล้วมันดันมาพร้อมกัน ก็ทำให้คุณเทรดค่าเงินคู่เดียวก็ได้ผลไม่แตกต่างกัน แล้ววัน ๆ ผมทำอะไรบ้างหน่ะหรือ? เอาเป็นว่าวันนี้มาดูกิจกรรมที่เทรดเดอร์ต้องทำกันสักหน่อยครับ

เสาร์อาทิตย์ คือ วันทำการบ้าน

ปกติวันเสาร์ อาทิตย์คือวันหยุดของคนอื่น แต่สำหรับชีวิตเทรดเดอร์ของผมมันคือวันทำงานครับ เพราะว่า วันเสาร์อาทิตย์มันเทรดไม่ได้ มันทำให้เราไม่วุ่นวาย สิ่งที่เราต้องทำคือ การสำรวจข่าวและการกำหนดข่าวว่า สัปดาห์นี้จะมีข่าวอะไรแรง ๆ บ้างวันไหนแล้ว เพราะผมมักจะไม่ส่งคำสั่งออเดอร์วันที่เทรดข่าว เพราะว่า อะไรหน่ะหรือ เพราะว่า มันดีดออกทางไหนก็ได้ครับ การเทรดวันนี้จะกลายเป็นการพนันเต็มตัวเพราะไม่รู้คาดการณ์อะไรไม่ได้เอาเสียเลย เมื่อเป็นอย่างนี้ผมจะทำการ มาร์ควันว่าเราจะไม่เทรดวันไหนบนปฏิทินครับ เราดูได้ง่าย ๆ จากตารางของ Forexfactory.com ดังนี้

ที่มา Forexfactor.com

จากภาพข้างบนจะเห็นว่าวันพุธน้า จะมีเหตุการใหญ่ ๆ คือข่าวจากธนาคารกลางแคนาดา แล้วก็สต็อคน้ำมันคงเหลือของสหรัฐ และธนาคารกลางญี่ปุ่น จริง ๆ แล้วการเทรด EURUSD ยังพอทำได้ครับเพราะว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสต็อคน้ำมันคงเหลือมากนัก แล้วเราจะเลือกจังหวะอย่างไรในการส่งคำสั่งกันหล่ะ ปรกติผมจะนักกะเวลาในการเทรดครับ ถ้าผมเข้าเทรด มากผมจะถือระยะเวลา 2 – 3 วัน เพราะเราสามารถคาดการณ์ได้เพียงเท่านั้น ถ้าหากมันไม่เป็นไปตามที่ผมคาดผมจะปิดออเดอร์ ก็มันไม่ใช่แล้วอะ อย่าฝืนทำอะไรที่เกินตัว หลายคนอดทนถือรอเพราะว่าเข้าเทรดไปแล้ว เลยเวลาของตัวเองมาเยอะแล้วแต่ก็ไม่ปิดออเดอร์ นั่นแหละครับเหตุแห่งความชิบหาย

ถ้าผมกะไว้แล้วว่า เปิดตั้งแต่วันศุกร์และถ้ามันเป็นไปตามที่เราคิดเราก็น่าจะได้ปิดวันอังคาร และจะถือไม่ถึงวันพุธเพราะต้องไปเสี่ยงกับข่าวน้ำมัน ผมจะปิดออเดอร์ก่อน หรือไม่ก็เลื่อน Stop loss ไปที่จุดเข้าเทรดครับ แต่ว่า ถ้าเกิดว่า วันศุกร์ผมไม่มีออเดอร์เทรด และสัญญาณเทรดดันไปเกิดในวันอังคาร ต่อให้มันดีขนาดไหนผมก็ไม่ส่งครับ ส่งไปแล้วมันชอบกระชากแรงแล้วไปชน Stop loss เราแล้วดีดกลับทางเก่า มันเจ็บปวดครับ

วันธรรมดาผมทำอะไรบ้าง?

วันธรรมดาผมในฐานะนักวิจัยครับ ทำงานประจำเป็นงานที่เราชอบครับ เพราะว่า มันสนุกดีได้คิดหาคำตอบใหม่ ๆ หัดแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดเวลา ได้เงินด้วย งานที่ทำไม่ใช่งานแบบเป็นพนักงาน เพราะว่า ผมก็เป็นนักวิจัยอิสระครับ เลยไม่ได้มีออฟฟิศกับเขา ดังนั้นสิ่งที่ผมทำในวันธรรมดาคือ ตื่นเช้ามาดูกราฟ เพื่อดูว่าจังหวะเข้าเทรดจะมีไหม มีขนาดเท่าไหร่ น่าสนใจหรือไม่ ประมาณ 5 นาทีครับ ถ้าไม่มีก็จะกะเวลาที่กราฟจะให้จังหวะเทรดแก่เรา ทั่วไปมันจะประมาณ 1-2 วันครับเพราะว่ากว่าสัญญาณจะกลับมาอีกครั้งมันนานครับ หลังจากนั้นจะห่างจากกราฟไปอีกนาน

การดูกราฟไม่บ่อยส่งผลต่อสุขภาพจิตของการเทรดดีกว่าการนั่งดู ๆ ไปทั้งวัน ไม่ได้อะไรเพิ่มเติมขึ้นมาครับ ออกไปใช้ชีวิตททำอย่างอื่น อย่าจมกับมัน การเทรด Time Frame ที่เล็กก็ไม่ได้แตกต่างจากการเทรด Time Frame ใหญ่เลยเช่นเดียวกัน แม้ว่าจังหวะมันจะหาได้บ่อย แต่ว่าสัดส่วนกำไรที่ได้ก็น้อยลงตามไป สรุปแล้วไม่ต่างอะไรกันเลย แถมเราต้องมานั่งเสียเวลาเฝ้าทั้งวันอีก

 

ทีมงาน .com

เส้น