Leading และ Ending Diagonal ในทฤษฎีคลื่น Elliottwave คืออะไร?

Highlights

  • ประเภทของ Diagonal มี 2 แบบหลัก: Leading Diagonal (เกิดตอนเริ่มเทรนด์ในคลื่น 1 หรือ A) และ Ending Diagonal (เกิดตอนจบเทรนด์ในคลื่น 5 หรือ C) – ทั้งคู่เป็นรูปแบบพิเศษที่คลื่น 4 จะต้องทับซ้อนกับคลื่น 1 เสมอ
  • Leading Diagonal มีโครงสร้างภายในแบบ 5-3-5-3-5: เป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวใหม่ สามารถเกิดได้ทั้งแบบหดตัว (คลื่น 1 ยาวที่สุด) และแบบขยายตัว (คลื่น 5 ยาวที่สุด)
  • Ending Diagonal มีโครงสร้างภายในแบบ 3-3-3-3-3: มักเกิดหลังจากตลาดเคลื่อนที่ “เร็วเกินไป ไกลเกินไป” และเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวที่มีประสิทธิภาพ
  • รูปแบบการหดตัวและขยายตัว: ทั้ง Leading และ Ending Diagonal สามารถเกิดได้ 2 แบบ คือ Contracting (หดตัว – คลื่น 1 ยาวที่สุด) และ Expanding (ขยายตัว – คลื่น 5 ยาวที่สุด)
  • กฎสำคัญที่ต้องจำ: คลื่น 2 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 1, คลื่น 3 ห้ามสั้นที่สุด, คลื่น 4 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 3, และควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ

ทำความรู้จักกับ Leading และ Ending Diagonal ในทฤษฎีคลื่น Elliottwave

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งเราเห็นตลาดวิ่งแรงแล้วกลับตัวทันที? หรือทำไมบางครั้งตลาดเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนที่แบบแปลกๆ? นี่แหละคือสิ่งที่ Elliottwave เรียกว่า Diagonal Pattern!

รู้จักกับ Diagonal Pattern รูปแบบที่น่าสนใจในทฤษฎีคลื่น Elliott

ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราจะเจอรูปแบบกราฟหลากหลายรูปแบบที่ช่วยในการคาดการณ์ทิศทางราคา หนึ่งในรูปแบบที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพคือ Diagonal Pattern ซึ่งแบ่งออกเป็น Leading และ Ending Diagonal

รูปแบบเหล่านี้มีความพิเศษตรงที่เป็นโครงสร้าง 5 คลื่นที่มีลักษณะเฉพาะ โดยคลื่น 4 จะต้องทับซ้อนกับคลื่น 1 เสมอ ซึ่งต่างจากรูปแบบ Impulse ทั่วไป

Diagonal ใน Elliottwave มี 2 แบบ

  • Leading Diagonal (เกิดตอนเริ่มเทรนด์)
  • Ending Diagonal (เกิดตอนจบเทรนด์)
  • คิดง่ายๆ ว่ามันเป็นคลื่น 5 ลูกที่พิเศษกว่าคลื่นปกติ โดยคลื่น 4 จะต้องทับซ้อนกับคลื่น 1 เสมอ!

Leading Diagonal – สัญญาณเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวใหม่

เมื่อคุณเห็น Leading Diagonal ให้ตื่นเต้นได้เลย เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวครั้งใหม่! รูปแบบนี้มักพบในคลื่น 1 หรือ A และมีโครงสร้างภายในแบบ 5-3-5-3-5 ที่น่าสนใจ

Leading Diagonal มาได้สองแบบ:

  1. แบบหดตัว: คลื่น 1 จะยาวที่สุด และค่อยๆ หดสั้นลงจนคลื่น 5 สั้นที่สุด
  2. แบบขยายตัว: ตรงกันข้าม คลื่น 1 จะสั้นที่สุด และค่อยๆ ยาวขึ้นจนคลื่น 5 ยาวที่สุด

Leading Diagonal – สัญญาณเริ่มต้นที่น่าสนใจ

  • เกิดในคลื่น 1 หรือ A
  • บอกว่า “เฮ้! เทรนด์ใหม่กำลังจะเริ่มนะ”
  • มีโครงสร้างแบบ 5-3-5-3-5
  • เห็นแล้วต้องเตรียมตัวให้พร้อม!

 

Ending Diagonal – สัญญาณเตือนการกลับตัว

Ending Diagonal เป็นเหมือนไฟเตือนบนท้องถนนที่บอกว่า “ระวัง! การกลับตัวกำลังจะมา” คุณจะพบมันในคลื่น 5 หรือ C หลังจากตลาดเคลื่อนที่ “เร็วเกินไปไกลเกินไป”

ลักษณะเด่นของ Ending Diagonal คือ:

  • โครงสร้างภายในแบบ 3-3-3-3-3
  • มักเกิดในช่วงท้ายของการเคลื่อนไหว
  • เป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวที่มีประสิทธิภาพ

Ending Diagonal – ระวัง! การกลับตัวกำลังจะมา

  • พบในคลื่น 5 หรือ C
  • เกิดหลังตลาดวิ่งเร็วเกินไป
  • สัญญาณเตือนว่าเทรนด์กำลังจะจบ!

เคล็ดลับการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

การจะใช้ Diagonal Pattern ให้ได้ผลดี มีเคล็ดลับดังนี้:

  1. ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เช่น RSI, MACD เพื่อยืนยันสัญญาณ
  2. ศึกษากฎและแนวทางให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
  3. ฝึกฝนในบัญชีจำลองก่อนนำไปใช้จริง
  4. ตั้ง Stop Loss ทุกครั้งเพื่อจำกัดความเสี่ยง

Leading Diagonal คืออะไร?

Leading Diagonal ในทฤษฎี Elliottwave เป็นรูปแบบคลื่นแบบ Impulse พิเศษ ที่มีรูปร่างและโครงสร้างภายในแตกต่างจากปกติ โดยจะเกิดขึ้นในคลื่น 1 หรือ A และมีลักษณะเป็นแบบหดตัว (Contracting) หรือขยายตัว (Expanding)

แม้ว่า Leading Diagonal จะไม่ได้อยู่ในงานดั้งเดิมของ Elliott แต่เนื่องจากปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นรูปแบบที่มีความน่าเชื่อถือ

Leading Diagonal ในทฤษฎี Elliottwave คืออะไร
Leading Diagonal ในทฤษฎี Elliottwave คืออะไร

กฎและแนวทางสำคัญ

  1. มีโครงสร้างภายในคล้ายคลื่น Impulse แบบ 5-3-5-3-5
  2. คลื่น 4 จะต้องทับซ้อนกับคลื่น 1 เสมอ
  3. การแก้ไขของคลื่น 2 จะอยู่ที่ 8% ถึง 99% ของความยาวคลื่น 1 แต่ต้องไม่เกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 1
  4. มีได้ 2 แบบคือ แบบหดตัวและแบบขยายตัว
  5. คลื่น 3 ห้ามสั้นที่สุด
  6. คลื่น 2 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 1
  7. คลื่น 4 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 3

ลักษณะพิเศษ

  • ในแบบหดตัว: คลื่น 1 จะยาวที่สุด และคลื่น 5 จะสั้นที่สุด
  • ในแบบขยายตัว: คลื่น 1 จะสั้นที่สุด และคลื่น 5 จะยาวที่สุด

พบได้ในคลื่นใด

  • เกิดในคลื่น 1 และ A เท่านั้น

โครงสร้างภายใน

  • คลื่นทั้ง 5 มีโครงสร้างภายในแบบ 5-3-5-3-5

เมื่อเข้าใจลักษณะและกฎเหล่านี้ คุณจะสามารถระบุ Leading Diagonal ได้ง่ายขึ้น และใช้มันเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ!

 

Ending Diagonal คืออะไร?

Ending Diagonal ในทฤษฎี Elliottwave เป็นคลื่นประเภทพิเศษที่มักเกิดในคลื่นที่ 5 หลังจากการเคลื่อนไหวแบบ “เร็วเกินไป ไกลเกินไป” ตามที่ Elliott อธิบายไว้

สิ่งที่น่าสนใจคือ มันจะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงท้ายของทิศทางเท่านั้น ไม่พบในช่วงต้นหรือกลางทิศทาง เมื่อเห็น Ending Diagonal ปรากฏ นั่นเป็นสัญญาณว่ากำลังจะมีการสะท้อนกลับของราคา นี่คือที่มาของชื่อ “Ending”

Ending Diagonal ในทฤษฎี Elliottwave คืออะไร
Ending Diagonal ในทฤษฎี Elliottwave คืออะไร

กฎและแนวทางสำคัญ

  1. เป็นคลื่น Impulse แบบเดียวที่มีโครงสร้างภายในเป็น 3-3-3-3-3
  2. ต้องเป็นแบบหดตัวหรือขยายตัวเท่านั้น
  3. คลื่น 1 และคลื่น 4 ต้องทับซ้อนกัน
  4. คลื่น 4 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 3
  5. คลื่น 2 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 1
  6. ทุกคลื่นย่อยภายในจะมีโครงสร้างแบบ Corrective
  7. คลื่น 3 ห้ามสั้นที่สุด

ลักษณะพิเศษ

  • แบบหดตัว: คลื่น 1 ยาวที่สุด และคลื่น 5 สั้นที่สุด
  • แบบขยายตัว: คลื่น 1 สั้นที่สุด และคลื่น 5 ยาวที่สุด

พบได้ในคลื่นใด

  • เกิดในคลื่น 5 และ C เท่านั้น

โครงสร้างภายใน

  • คลื่นทั้ง 5 มีโครงสร้างภายในแบบ 3-3-3-3-3

Ending Diagonal เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบ่งชี้จุดกลับตัวของตลาด เมื่อคุณเห็นรูปแบบนี้ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาที่กำลังจะเกิดขึ้น!

 

Contracting Diagonal คืออะไร?

Contracting Diagonal คือรูปแบบพิเศษที่พบได้ทั้งใน Leading และ Ending Diagonal โดยมีลักษณะเด่นคือ คลื่น 5 จะสั้นกว่าคลื่น 3 คลื่น 3 สั้นกว่าคลื่น 1 และคลื่น 1 จะยาวที่สุด ส่วนคลื่น 5 จะสั้นที่สุด

Contracting Diagonal คืออะไร
Contracting Diagonal คืออะไร

กฎและแนวทางสำคัญ:

  1. คลื่น 1 ต้องยาวที่สุด
  2. คลื่น 2 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 1
  3. คลื่น 3 ห้ามสั้นที่สุด
  4. คลื่น 3 ต้องสั้นกว่าคลื่น 2
  5. คลื่น 4 ต้องสั้นกว่าคลื่น 2
  6. คลื่น 4 ห้ามเกินจุดสิ้นสุดของคลื่น 2
  7. คลื่น 5 จะสั้นที่สุดและสั้นกว่าคลื่น 3
  8. คลื่น 5 สามารถทะลุหรือไม่ถึงเส้นแนวโน้มได้
  9. คลื่น 5 ของ Leading Diagonal ห้ามถูกตัดทอน
  10. คลื่น 5 ของ Ending Diagonal สามารถถูกตัดทอนได้

พบได้ในตำแหน่ง

  • ใน Impulse: คลื่น 1 และ 5
  • ใน Zigzag: คลื่น A และ C
  • ใน Flat: คลื่น C

โครงสร้างภายใน

  • Leading Diagonal: มีได้ 2 แบบคือ 5-3-5-3-5 หรือ 3-3-3-3-3
  • Ending Diagonal: มีแบบเดียวคือ 3-3-3-3-3

การเข้าใจ Contracting Diagonal จะช่วยให้คุณจับจังหวะตลาดได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะในการหาจุดสิ้นสุดของการเคลื่อนไหว เพราะมันมีรูปแบบที่ชัดเจนและพบได้ในหลายตำแหน่งสำคัญของตลาด!

Expanding Diagonal คืออะไร?

Expanding Diagonal คือรูปแบบพิเศษที่พบได้ทั้งใน Leading และ Ending Diagonal โดยมีลักษณะเด่นคือ คลื่น 5 จะยาวกว่าคลื่น 3 คลื่น 3 ยาวกว่าคลื่น 1 ทำให้คลื่น 1 สั้นที่สุดและคลื่น 5 ยาวที่สุด

Expanding Diagonal คืออะไร
Expanding Diagonal คืออะไร

กฎและแนวทางสำคัญ

  1. คลื่น 1 ต้องสั้นที่สุด
  2. คลื่น 2 ห้ามเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 1
  3. คลื่น 3 ห้ามสั้นที่สุด
  4. คลื่น 3 ต้องยาวกว่าคลื่น 1 แต่สั้นกว่าคลื่น 5
  5. คลื่น 4 ต้องยาวกว่าคลื่น 2
  6. คลื่น 4 ห้ามเกินจุดสิ้นสุดของคลื่น 2
  7. คลื่น 5 จะยาวที่สุดและยาวกว่าคลื่น 3
  8. คลื่น 5 ต้องจบเกินจุดสิ้นสุดของคลื่น 3 เสมอ
  9. คลื่น 5 สามารถทะลุหรือไม่ถึงเส้นแนวโน้มได้
  10. คลื่น 5 ห้ามถูกตัดทอนและห้ามถึงจุดสิ้นสุดของคลื่น 3

พบได้ในตำแหน่

  • ใน Impulse: คลื่น 1 และ 5
  • ใน Zigzag: คลื่น A และ C
  • ใน Flat: คลื่น C

โครงสร้างภายใน

  • Leading Diagonal: มีได้ 2 แบบคือ 5-3-5-3-5 หรือ 3-3-3-3-3
  • Ending Diagonal: มีแบบเดียวคือ 3-3-3-3-3

Expanding Diagonal เป็นรูปแบบที่น่าสนใจเพราะแต่ละคลื่นจะขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ!