Forex Trading For Living   เราจะพัฒนา Mindset ของเราอย่างไร

Forex Trading For Living   เราจะพัฒนา Mindset ของเราอย่างไร

 

 ในการเทรด มี 3 องค์ประกอบที่เทรดเดอร์หลาย ๆ คนให้ความสำคัญ คือ Mind  Method  Money management หรือ หลักการ 3M ของ Alexander Elders นั่นเอง บทความนี้เราจะพูดถึง 1 อย่างที่สำคัญ คือ Mind หรือ สภาพจิตใจในการเทรดเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งหลายคนสามารถฝึกได้ สิ่งที่เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับคือ Mindset คำว่า Mindset เราจะได้ยินบ่อยมากในการลงทุน หรือการเทรด คำว่า Mindset นั้นหมายความว่าอย่างไร มีผลอย่างไรต่อการเทรด และจะปรับให้มันดีขึ้นกว่าเดิมได้ไหมเราจะมาดูกันในบทความนี้

ทัศนคติของคนและพื้นที่ที่ตัวเองคุ้นเคย
ที่มา http //best-options-try-binary-platform.pw/mindset-forex-trader-2479.php

Mindset คืออะไร คำว่า Mindset เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ถ้าจะให้แปลเป็นภาษาไทยก็คงจะได้ความหมายว่า ความคิด  แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ความคิด มันคือทัศนคติ การมองมันมาจากคำสองคำ คือ Mind ที่แปลว่าจิตใจ และคำว่า Set ก็คือตั้งอยู่ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การกำหนดจิตใจ การวางจิตใจไว้ตรงไหน การมองและทัศนคติของเราต่อสิ่งที่มีรอบตัวเรา เช่น เราบอกว่า เราเจอสถานการณ์ท้าทายในชีวิต ต้องเจอกับปัญหา และไม่มีเงินทำธุรกิจ คนหนึ่งบอกว่า ก็ดีจะได้สร้างสรรค์เยอะ ๆ และเวลาขาดทุนก็ไม่ขาดทุนเยอะ การทำธุรกิจก็ควรจะเริ่มจากเงินก้อนน้อย ๆ ไปก่อน ขณะที่อีกคนหนึ่งอาจจะบอกว่า เงินเราน้อยเกินไปไม่มีทางเปิดได้หรอก เราต้องการเงินเพิ่ม เราควรไปกู้มา

จากตัวอย่างต้นจะเห็นได้ว่า 2 คนนั้นมี mindset ที่แตกต่าง ส่งผลถึงแนวคิดและวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นานา ทำให้มุมมองในการดำเนินชีวิตแตกต่างกันมาก นี่แหละครับสิ่งที่ทำให้ความสำเร็จของแต่ละคนยากง่ายแตกต่างกัน เรามาดูกันว่าเราจะพัฒนา mindset ได้อย่างไรกันบ้าง ดังนี้

  1. หยุดเปรียบเทียบ

การเปรียบเทียบกับคนอื่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยในสังคมไทย ในสมัยที่ผู้เขียน ยังเทรด Forex ใหม่ ๆ และขาดทุนถึงหลักแสนนั่งมองตัวเองขาดทุนเงินหายไปหมด และเทียบกับคนอื่นว่า ถ้าเป็นเพื่อนที่รู้จักรุ่นเดียวกันคงนำเงินก้อนนั้นไปซื้อรถไปแล้ว นี่แหละครับเราเปรียบเทียบกับเพื่อนแล้วว่า เราไม่มีอะไรเหลือเลย ท้ายที่สุดผมได้ไปอ่านข้อความหนึ่งจากหนังสือของ Warren Buffet ที่กล่าวว่า “ถ้าทนเห็นผลขาดทุน 70 % ในพอร์ทไม่ได้ไม่ต้องมาลงทุนให้เสียเวลา” คำนี้มันทำให้ผมเปลี่ยนมุมมมองว่า เราไม่ควรจะเอาไปเปรียบเทียบกับใคร ผมมองด้านดีของการขาดทุน ว่า ถ้าผมต้องเอาเงินนี้ไปเสียค่าเทอมเรียนวิศวะแพง ๆ คงอาจจะเรียนได้แค่ 2 ปีและอีก 2 ปีก็ยังไม่จบ เพราะไม่มีเงินแล้ว นั่นหมายความว่า จริง ๆ แล้วผมไม่ได้ขาดทุนเยอะอะไรเลย มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอในชีวิต ผมคิดว่าผมอาจจะต้องขาดทุนอีก แต่คราวนี้ผมเปลี่ยนใหม่ ทุกครั้งที่ผมขาดทุน ผมจะต้องเรียนรู้ว่าผมพลาดอะไร ได้เรียนรู้อะไรกลับคืนมา มันก็เหมือนกับการจ่ายค่าเทอมนั่นแหละ พอเรียนจบวิศวะแล้วก็ยังไม่ได้ทำเงินได้เลยเหมือนเรียน Forex ต้องไปนั่งแข่งกับคนอื่นสมัครงานอีก ขณะที่ Forex เป็นอาชีพอิสระ สร้างเงินได้เลย แล้วเราจะกลัวกับผลขาดทุน โอดครวญกับชะตากรรมที่ต้องเจอ ถือว่าเป็น Mindset ที่ไม่ถูกต้อง

  1. ทุกอย่างไม่จำเป็นต้อง Perfect

นี่เป็น Mindset ที่สองที่นักเทรดหลายคนมักจะติดอยู่ในกับดักนี้ ด้วยการที่จะเอาชนะตลาดอย่างสมบูรณ์หมดจด ที่ไม่ขาดทุนเลย ผลคือขาดทุนเยอะกว่าเดิมเสียอีก ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีเนื้อคู่ที่เข้ากันได้ทุกเรื่อง ไม่มี Indicator ไหนในตลาดที่บอกได้แม่นยำระดับ 100 % ทุกเหตุการณ์ หลายคนมัวเสียเวลาไปกับการหาอุปกรณ์ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกับมาเรียนรู้ว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะตลาดได้ หรือยอมจำนนเลิกเทรดและขาดทุนในจำนวนที่ตัวเองขาดทุนไป ผมเจอมาก็เยอะครับ เพื่อน ๆ ของผมก็เป็นอย่างนั้น

  1. หาหลักฐานเสริมความคิด

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ข้อ  2 ด้วยความที่การทำอะไรสักอย่างนั้น มันจะขัด หรือฝืนกับความรู้สึก ตัวอย่างเช่น เราคงแป็นเทรดเดอร์ไม่ได้หรอก!!! เพราะขาดทุนมาตลอดเลย ลองออกไปดูโลกแห่งการเทรดข้างนอกว่า มีคนกี่คนที่ทำกำไรได้ มีนักลงทุนที่รวยจากการเทรดกี่คน ถ้าคนอืน่ทำได้เราก็ทำได้สิ  ลองออกไปหาว่ามีคนเทรดที่กำไรบ้างไหม นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ ลองเปิดเว็บ MQ4  ที่ให้บริการสัญญาณการเทรด Copy Trading จะเห็นว่าคนอื่นที่เทรดได้กำไรมีเต็มไปหมด  ถ้าหากสิ้นคิดมาก ๆ เอาระบบของคนเหล่านั้นมายำรวมกันก็อาจจะได้ไอเดียอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาบ้าง

สุดท้าย 3 ข้อที่กล่าวมาถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการพัฒนาศักยภาพตัวเอง ที่จะให้เทรดเดอร์สามารถมีมุมมองที่ดีมีโอกาสในการทำกำไร และเปลี่ยนช่วงเวลาแย่ ๆ ให้เป็นโอกาส เห็นโอกาสจากวิกฤติที่เกิดขึ้นไม่จมกับความผิดพลาด ได้ครับ

 

ทีมงาน  www. .com

เส้น