ในการเทรด Forex นั้น ถ้าหาก Mindset คือหัวใจของการเทรด การจัดการความเสี่ยงก็คงเป็นเหมือนปอดของ Forex การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะต้องรู้จักการจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ที่ถูกต้อง โดยการจัดการความเสี่ยงนั้นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน
ทำไมต้องมีกฎการเทรด Forex
เอาจริง ๆ แล้วกฎของการเทรดเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ยาก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีการ “แหกกฎ” การเทรดขึ้น จนต้องมีคำว่า “วินัยในการเทรด” เข้ามาเกี่ยวข้อง กฎของการเทรด Forex นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นความสำคัญแต่ทำไม่ได้ เพราะว่า กฎการเทรดนั้นแสดงออกถึงสิ่งที่ไม่ควรทำแต่ว่าเราก็ยังไปทำมัน
การแหกกฎของการเทรดจะตามมาด้วย ความเสียหายในการลงทุน นั่นคือ “การล้างพอร์ท” นั่นเอง อย่างไรก็ตาม กฎการเทรดนั้นจะไม่ได้ผลเลยถ้าหากไม่มีการปฏิบัติตามกฎการเทรด ดังนั้นกฎการเทรดจึงต้องใช้ควบคู่กับการจัดการ MindSet ที่ถูกต้องด้วย เช่น การตั้ง Stop loss ก่อนการเทรด เพื่อหลีกเลี่ยงผลที่ไม่พึงประสงนั้น แล้วกฎของการเทรดมีอะไรบ้างวันนี้จะนำเสนอสัก 2 รูปแบบของกฎดังต่อไปนี้
1. กฎการเทรด 2 %
กฎการเทรด 2 % เป็นกฎการเทรดในรูปแบบการตั้งกำหนดราคา นั่นคือ การเสี่ยงไม่เกิน 2 % ต่อการเทรด 1 ครั้ง กฎการเทรด 2 % หมายความว่า ถ้าหากคุณไม่ใช้ระบบการจัดการการเงินเลย คุณสามารถเทรดขาดทุนติดต่อกันได้มากถึง 50 ครั้ง
การเทรด 2 % หมายความว่า ถ้าหากคุณมีเงินอยู่ในบัญชีเทรด 1,000 USD และคุณขาดทุนทีละ 2 % (ของเงินต้น) ซึ่งเท่ากับ 20 เหรียญต่อการเทรด 1 ครั้ง เมื่อคุณขาดทุนครบ 50 ครั้ง จะเป็นเงินที่เสียไปครบ 1,000 USD
แต่มีคำถามอยู่อย่างนี้หล่ะว่า โอเค เราสามารถตั้งการขาดทุนทีละ 2 % ได้จำนวน 50 ครั้ง แต่แล้วเราต้องขาดทุนติดต่อกันถึง 50 ครั้งหรือไม่? …
คงไม่จำเป็น !! … เพราะว่า ถ้าหากระบบของเรามันขาดทุนติดต่อกันเกิน 15 ครั้ง ก็คงไม่ต้องคิดอะไรแล้วครับ รีบเปลี่ยนระบบก่อนเลย
เมื่อระบบมันขาดทุนติดต่อกันสูงสุดขนาดนั้นแสดงว่าความแม่นยำของระบบต้องมีปัญหาแล้ว ควรต้องทบทวนความแม่นยำของระบบแล้ว ซึ่งมันเป็นเนื้อหาที่แยกออกไปในเรื่องของความแม่นยำครับ
สำหรับกฎการเทรด 2 % ของพอร์ทลงทุนนี้ คุณก็ต้องคาดหวังผลตอบแทนต่อการเทรดต่อครั้งมากกว่านี้ด้วย นั่นคือการกำหนด “Risk Reward Ratio” คือ “อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง” แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของราคาที่น้อย เราก็สามารถตั้ง Take profit ให้มันมากกว่า 2 % ของพอร์ทลงทุนได้ด้วย เพราะว่าเราสามารถปรับขนาด Lot ของเราได้นั่นเอง
2. กฎการเทรด Forex ด้านเวลา
นอกจากกฎการเทรด โดยใช้ 2% ของพอร์ทลงทุนในการตัดสินกำไร-ขาดทุนแล้ว เรายังสามารถใช้เวลาตั้งเป็นกฎการเทรดของเราได้ด้วย อย่างไรก็ตาม กฎการเทรดแบบนี้ได้รับความนิยมน้อยกว่า กฎการเทรดแบบราคาเป็นตัวกำหนด
เพราะว่า การเทรดแบบเวลานั้นสามารถทำได้ยากกว่า เรามาดูตัวอย่างของการใช้กฎการเทรดด้านเวลากันเลยดีกว่าครับ
การสร้างกฎการเทรดด้านเวลาได้แก่ การกำหนดจุดเข้าเทรดโดยใช้เวลาเป็นจุดเข้า เช่น เวลา 8 โมงเช้าให้ทำการเริ่มเทรด และเมื่อครบ 11 นาฬิกา ก็จะต้องออกจากออเดอร์ ไม่ว่าออเดอร์นั้นจะกำไรหรือขาดทุน
การเทรดแบบนี้จะเหลือเพียงอย่างเดียวที่เป็นเงื่อนไขในการเทรด คือ “ทิศทาง” ถ้าหากคุณกำหนดทิศทางถูกก็สามารถทำกำไรได้ และถ้าหากกำหนดทิศทางผิดก็จะขาดทุนเช่นกัน จะกำไรมากหรือกำไรน้อยนั้นขึ้นอยู่กับข่าวที่เกิดในช่วงนั้น
ซึ่งจริงๆแล้วใครที่ถนัดแบบนี้ก็สามารถเข้าไปเทรดอีกตลาดหนึ่งได้ นั่นคือ “binary option” ซึ่งมีผู้นิยมเทรดน้อยกว่าเพราะมองว่าคล้ายการพนัน
การเทรดแบบกำหนดเวลานี้จะใช้ตอนที่ข่าวออก หรือจะใช้ตอนที่มีการเทรดช่วงเดียวกับเวลาที่ตลาดเปิด ความสำคัญคือ “ความมีวินัยอย่างมากในการเทรด และการตัดใจได้อย่างเด็ดขาด” ไม่ว่าตอนนั้นจะได้กำไรหรือขาดทุน
สรุป
สำหรับการเทรด Forex นั้น การจัดการความเสี่ยง หรือวิธีการกำหนดความเสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญในการเทรด ถ้าหากคุณไม่อยากล้างพอร์ท ดังนั้นในการเทรดคุณต้องรู้จักและทำความเข้าใจกับกฎของการเทรดเสียก่อน
กฎของการเทรด มีไว้เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่พึงประสงค์ของเทรดเดอร์ และเพื่อให้กฎของการเทรด Forex นั้น สามารถใช้ได้ผลจริง ๆ จะต้องคำนึงถึงการใช้งานจริง ๆ ในการเทรดด้วย การเทรดที่ดีจะต้องทำการตัดสินใจทุกอย่างไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นแล้วการเทรดของคุณจะต้องเผชิญกับภาวะทางอารมณ์ (โลภ กลัว) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยกฎการเทรดที่นำเสนอนี้มี 2 ข้อ คือ การเสี่ยงครั้งละไม่เกิน 2 % และกฎการเทรดโดยการตั้งเวลาเป็นจุดเข้าออก การตั้งเวลาเป็นจุดเข้าและจุดออกจะทำให้การเทรดฟอร์เร็กซ์ไม่ต้องเผชิญภาวะทางอารมณ์ (หากมีวินัยมากพอ) เมื่อถึงเวลาส่งคำสั่ง ก็ส่งคำสั่งเปิด-ปิดออเดอร์เท่านั้นเอง
