บทเรียน มัธยมปลาย การเทรด Forex โดยใช้สัญญาณ Divergence

กลับมาต่อกันในบทเรียน Forex ระดับมัธยมปลาย สำหรับการวิเคราะห์ต่าง ๆ เพื่อหาจุดเข้าเทรด ในบทเรียนนี้ เราจะมาพูดถึงหลักการ Divergence ซึ่งเป็นหลักการที่ได้ผลดีมากหลักการหนึ่ง การเทรด Forex โดยใช้ Divergence สำหรับมือใหม่แล้วอาจจะงงว่ามันคือ อะไร แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่ชื่อหนังแต่อย่างใด (ฮ่า) ซึ่งจริงๆ แล้วการเทรด Divergence ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนใช้งานมันนะครับ มันเป็นเครื่องมือที่ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายเลย

อย่างไรก็ตาม Divergence ก็มีหลายรูปแบบแล้วแต่คนจะใช้งาน วันนี้ผมยกตัวอย่างแค่ 2 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ผมถนัด สำหรับการใช้งาน Divergence

Divergence คืออะไร

Divergence นั้นไม่ใช่เครื่องมือ หรือ indicator ครับ ในภาษาอังกฤษ คำว่า Divergence คือ “สัญญาณกลับตัว” โดยบอกถึงความแตกต่าง ของเครื่องมือ 2 ประเภท หรือความแตกต่างจากการเปรียบเทียบของ 2 สิ่ง ซึ่งทำให้เกิดการขัดแย้งกันของการเคลื่อนไหว ลักษณะนี้จะบอกทิศทางของราคาได้ว่าจะไปทิศทางใดต่อ ตัวอย่างเช่น MACD ชี้ว่าเป็นขาลง แต่ว่าราคาไม่ยอมลง อย่างนั้นถึงเรียกว่า การเกิด Divergence

การเทรด Divergence ใช้งานอย่างไร

สำหรับการเทรด Divergence นั้นสิ่งแรกที่เราต้องทำ คือ กำหนดเครื่องมือ ในการเทรดนี้ผมจะนำเสนอตัวอย่างการเทรด โดยใช้เครื่องมือที่ผมเคยใช้เท่านั้น เพราะว่า การดูการเกิด Divergence นั้นมีความสำคัญมาก ซึ่งจะต้องใช้เครื่องมือที่สามารถมองเห็นได้จริง การเกิด Divergence จึงจะมีประสิทธิภาพ

โดยเครื่องมือที่เราจะใช้ในบทความนี้ เป็นเครื่องมือ MACD และ Stochastic และถ้าหากทุกท่านคิดว่ามันเป็นเครื่องมือแปลกจากที่คนอื่นใช้กันก็ต้องเรียนว่า มันเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในการเทรด Divergence เลยก็ได้ โดยการตั้งค่าเครื่องมือนั้น มีการตั้งค่าอยู่ก่อนเพื่อกำหนดให้ค่าของ indicator ของเราตรงกัน ดังนี้

Stochastic และ MACD
ภาพที่ 1 แสดงการตั้งค่า Indicator สำหรับการเคลื่อนไหวราคาของ Stochastic และ MACD

ในภาพข้างต้น เป็นการตั้งค่า indicator สำหรับการเคลื่อนไหวเพื่อดู Divergence ของราคา โดยมี indicator 2 ตัวได้แก่ MACD (20,40,5) และ Stochastic (7,3,5) สำหรับการใช้งาน เราจะใช้ทีละตัวเท่านั้น การใส่เข้ามา 2 ตัวเป็นการเพียงบอกว่า เผื่อใครจะถนัดตัวไหนและอยากใช้ตัวไหนก็ให้ใช้ตัวนั้นครับ และสำหรับ Time Frame ที่เราจะใช้วิเคราะห์สำหรับวันนี้คือ Time Frame 1H โดยเราเราลองมาทำความรู้จักกับ Divergence ขาขึ้นของแต่ละแบบกันก่อนเลยครับ

สำหรับการเทรด Divergence สิ่งที่ต้องใช้ในการสังเกตเป็นหลักเลย คือ ราคา อย่ายึดติดกับ indicator แต่ต้องยึดติดกับรูปแบบราคาเป็นหลักครับ เพราะว่า ราคาเป็นสิ่งที่นำไปใช้คำนวณ indicator ดังนั้นการใช้ราคาในการตัดสินจึงมีความแม่นยำกว่า โดยตัวอย่างเราก็จะให้สังเกตราคาเป็นหลัก

1. Divergence ขาขึ้นสำหรับ Stochastic

ในภาพข้างล่างเป็นตัวอย่างของ Stochastic ซึ่งเป็นเครื่องมือบอกความผันผวน ความแตกต่างกันหรือภาวะ Divergence ได้เกิดขึ้นในกราฟที่ผมได้ทำการ highlight สีแดงไว้

Stochastic Divergence ขาขึ้น
ภาพที่ 2 แสดง Stochastic ตอนเกิด Divergence ในขาขึ้น

ในภาพจะเห็นว่าปกติ Stochastic จะมีไว้บอกจุดกลับตัว อย่างไรก็ตาม ในภาพ Stochastic พยายามบอกว่าเป็นขาขึ้นเพราะจุดกลับตัวสูงขึ้น แต่ราคากลับไม่ขึ้นตามในช่วงที่เกิดการกลับตัวขึ้นของ Stochastic สิ่งที่เราต้องพิจารณาคือ “ราคา” เพราะราคาคือ หัวใจหลักของการเทรด ปรากฏว่า ราคาไม่สามารถเกิด new low ได้แสดงถึงภาวะที่หมดแรง เมื่อราคาหมดแรงจนไม่ลงต่อ และเคลื่อนไหวสวนทางกับ indicator จึงทำให้เกิดการดีกลับตัวขึ้นอย่างเหตุการณ์ในกราฟ

สิ่งที่ต้องสนใจมากๆ ในการเทรด Divergence ก็ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า คือ ราคา เพราะสิ่งที่เราจะดูคือ ราคา รูปแบบมันอาจจะแตกต่างจากนี้ เช่น ราคาไม่ยอมลง แต่ว่า Stochastic เกิด new low และเอียงลง อย่างนั้นก็เกิด Divergence กลับตัวได้ สิ่งสำคัญคือ ความขัดแย้งของกราฟราคาต้องเกิดขึ้นนั่นเอง เพราะนั่นคือ การเกิด Divergence แล้ว

2. Divergence ขาลงสำหรับ Stochastic

เราลองมาดูตัวอย่างของ Stochastic ขาลงกันบ้างครับ

Stochastic down
ภาพที่ 3 แสดงการเกิด Divergence ขาลง ของ Stochastic Indicator

สำหรับ Stochasstic ขาลง จะเห็นได้ว่า ลักษณะของ Stochastic นั้นลดต่ำลงแล้วแต่ราคาพยายามขึ้นแล้ว ขึ้นอีกแต่ไม่เกิด new high สักที เช่นเดียวกันคือราคาไปต่อไม่ได้ ดังนั้น การกลับตัวจึงเกิดขึ้นต่อมา ซึ่งปรากฏให้เห็นในกราฟอย่างชัดเจน

3. Divergence ขาขึ้นสำหรับ MACD

ตัวอย่างต่อไปของ Divergence คือ MACD โดยผมยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นวันและเวลาเดียวกัน เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เห็นว่า ลักษณะของ indicator แต่ละตัวนั้นแตกต่างกันอย่างไรในช่วงเวลาเดียวกัน

MACD divergence Bullish
ภาพที่  4 การเกิด Divergence ขาขึ้นใน MACD

ในภาพ Divergence เกิดขึ้นขณะที่ราคาของ Stochastic ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน Stochastic สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ราคากลับไม่สูงขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะที่เห็นได้ชัด

4. Divergence ขาลงสำหรับ MACD

สำหรับ MACD ขาลงก็เช่นเดียวกัน การเคลื่อนไหวของราคากับ MACD นั้นไม่ได้ขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน และกลับตัวลงมา

MACD divergence Bearish
ภาพที่ 5 การเกิด Divergence ขาลงของ MACD

โดยการวิเคราะห์เพิ่มเติมหลังจากนี้ผมจะอธิบายใน วีดีโอเพื่อสร้างความเข้าใจในการเทรดมากขึ้นครับ

สรุป

การเทรด โดยใช้ Divergence เป็นเครื่องมือบอกจุดกลับตัวในการเทรด การใช้ Divergence ให้ความแม่นยำสูง แต่ปัญหาคือ ต้องแยก Divergence ให้ถูกต้องก่อน บทความนี้พยายามให้ตัวอย่างของการเกิด Divergence ที่ถูกต้องผ่าน indicator ยอดนิยมอย่าง MACD และ Stochastic  โดยมีตัวอย่างของรูปแบบที่ชัดเจนสามารถนำไปใช้ได้ทันทีครับ